นวัฒกรรมใหม่ของการเลี้ยงด้วงแบบคอนโดพื้นที่จำกัด,รองรับด้วงสาคูในเมือง,ด้วงมะพร้าว,จิ้งหรีดรวมสัตว์และแมลงต่างๆ,อุปกรณ์เลี้ยง

อาชีพเกษตรกรรมยังคงเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องแม้โควิด19ระบาด ทำงานในกรุงเทพฯ ไม่นานเริ่มอิ่มตัว เลือกผันชีวิตมาทำเกษตรเปิดฟาร์มด้วง เริ่มต้นจากเลี้ยงแค่ 10กะละมัง ปัจจุบันมีมากถึง 200กะละมัง(กำลังขยาย5,000คอนโค) หากวิธีเปลี่ยนอุปกรณ์เลี้ยงด้วง เป็นแบบคอนโด

คุณโหน่ง วัย 45 ปีอัพ เจ้าของธุรกิจฟาร์มด้วงสาคูส่งออก เล่าให้ฟังว่า

หลังเรียนจบปริญญาตรี ได้ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ยึดอาชีพพนักงานประจำนานถึง15ปี ด้วยระยะเวลาขนาดนี้ ตนรู้สึกว่างานที่ทำอยู่มันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว อยากลองหาสิ่งใหม่ๆ ทำดูบ้าง

คุณโหน่ง เล่าต่อว่า ตอนนั้นตนยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี กระทั่งมีโอกาสไปเที่ยวภาคกลาง ได้ทานด้วงสาคู เกิดติดใจในรสชาติ เห็นว่าน่าจะนำมาทำเป็นธุรกิจได้ จึงซื้อพ่อแม่พันธุ์มาเพาะขาย

“วิธีการเลี้ยงด้วงสาคูเรียนรู้จากคนที่เลี้ยงด้วงทางภาคกลาง ช่วงแรกเลี้ยงด้วยต้นสาคู จากนั้นปรับสูตรอาหารเองให้เหมาะกับวัตถุดิบในพื้นที่”

โดยเริ่มแรกคุณโหน่งเลี้ยงแค่ 10 กะละมังเท่านั้น ผลผลิตที่ได้ออกมาตามต้องการ จาก 10 กะละมัง ก็ขยายมาเรื่อยๆ เปิดเป็นฟาร์ม เพิ่มจำนวนเป็น 200 กะละมัง

วิธีการเพาะพันธุ์ ฟาร์มด้วงสาคูคุณโหน่ง คุณโหน่งจะใช้กะละมังขนาด 35ซม. นำอาหารพวก มันสำปะหลัง รำ อาหารหมู ผสมกับน้ำคลุกให้เข้ากัน นำใส่ในกะละมัง ใส่กล้วยน้ำว้าสุกเพิ่มเข้าไป วางทับด้วยกาบมะพร้าวแห้งอีกชั้น

จากนั้นปล่อยพ่อแม่พันธุ์ 4 คู่ ปิดฝาให้เรียบร้อย หาวัสดุมาทับ รอให้ตัวเมียวางไข่ ประมาณ 15-20 วันจะเห็นตัวด้วง นำพ่อแม่พันธุ์ออกมา โดยพ่อแม่พันธุ์จะมีช่วงชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1 เดือนกว่า

ใน 1 เดือนสามารถส่งออกได้ถึง20กิโลกรัม ส่งขายลูกค้าประจำ แถวโคราช ภาคเหนือ และภาคใต้ รายได้รวมทั้งด้วงสาคู และพ่อแม่พันธุ์ด้วยจะอยู่ที่ 2-3หมื่นบาทต่อเดือน